คุณแม่เล่าให้เราฟังว่าก่อนหน้านี้น้องไปเรียนพิเศษ แล้วคุณครูที่โรงเรียนทักมาว่าคุณแม่เคยพาน้องไปตรวจสายตาหรือไม่ เพราะลักษณะดวงตาของน้องแปลกๆ อาการน้องคล้ายจะเป็นเลซี่อาย (Lazy eye)
คุณแม่ตกใจมากจึงลองเสิร์ชกูเกิลดู พบว่าเจ้าอาการเลซี่อายน่ากลัวมาก เลยรีบพาน้องวินนี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง คุณหมอบอกว่าสายตาน้องเหล่ออกไปข้างนอก และต้องรักษาโดยการผ่าตัด แต่ด้วยความกังวลและยังไม่แน่ใจ และคุณหมอเองเมื่อเห็นคุณแม่กังวลก็เลยให้น้องวินนี่กลับไปบริหารกล้ามเนื้อตาก่อน 1 เดือน เมื่อกลับถึงบhานจึงปรึกษากับคุณพ่อน้องวินนี่ คุณพ่อก็แนะนำคุณแม่ให้พาน้องไปตรวจอีกที่หนึ่งเพื่อความมั่นใจ ปรากฏว่าผลไม่ต่างกัน คือต้องผ่าตัดทางเดียวเท่านั้น
“คุณหมอบอกว่ากล้ามเนื้อหัวตาอ่อนแรง คือเหล่ออกมาด้านนอกละ วิธีรักษาคือผ่าตัดไม่สามารถรักษาได้โดยวิธีอื่น เราก็กลัว เพราะลูกเราเล็ก ถามคุณหมอ ถ้าไม่ผ่าผลกระทบมันจะเป็นยังไง คุณหมอก็บอกว่ามันจะออกไปเรื่อยๆ จะสูญเสียภาพสามมิติไปเลย ในส่วนของตามันก็จะไม่ทำงาน ให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจ
ถามคุณหมอว่าใช่เลซี่อายมั้ย คุณหมอก็บอก ใครบอกว่าเป็นเลซี่อาย ไม่ใช่ แต่มันก็ใกล้ๆ กัน คุณหมอก็ลองให้ปิดตา 1 อาทิตย์ ติดตามผล พอกลับมาตรวจผลปรากฏว่าอีกข้างหนึ่งก็อ่อนเหมือนกันนะ ถ้าผ่าต้องผ่า 2 ข้างเลย”
จากการสอบถามคุณหมอ คุณแม่บอกว่าอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นจะพบในเด็กเล็กๆ บ่อยมาก ถ้าเจอสิ่งกระตุ้น มันก็จะทำให้เหล่ออกไปได้
ส่วนกรณีที่สงสัยกันว่า ไอแพด ไอโฟน สมาร์ทโฟนนั้นเกี่ยวกันมั้ย คุณหมอบอกว่าก็มีส่วน เพราะเดี๋ยวนี้เด็กเป็นโรคตายุคดิจิตอลกันเยอะมาก ประกอบกับเมื่อ 2-3 ปีก่อนคุณแม่ทำขนมขาย เลยไม่ค่อยมีเวลาให้น้องวินนี่นัก จะให้น้องอยู่กับสมาร์ทโฟนมากกว่า ก็เลยเชื่อมโยงว่าอาจะมีส่วน แม้จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงก็ตาม
ที่คุณแม่นำเรื่องน้องวินนี่มาโพสก็เพื่อจะเตือนคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายที่ปล่อยลูกไว้กับจอ ว่ามันส่งผลต่อสายตาคนเราได้ โดยเฉพาะเด็กๆ กรณีของคุณแม่เองยังโชคดีที่ตรวจเจอและรักษาทัน ที่สำคัญคุณแม่ฝากบอกผู้ปกครองทั้งหลายว่าควรเอาใจใส่เด็กๆ ให้มากขึ้น ส่วนเรื่องการดูจอนั้น คุณแม่แนะนำว่าสามารถให้ลูกดูได้ แต่ควรจำกัดเวลา และไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับจอนานเกินไปค่ะ
ส่วนใครที่เป็นห่วงอาการน้องวินนี่นั้น ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จแล้วยังต้องหยอดตาและดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ คาดว่าอีก 2-3 อาทิตย์ก็จะหายดีแล้วค่ะ