เมื่อลูกทารกอายุครบ 1 เดือนแล้ว มีเรื่องสำคัญที่พ่อแม่มือใหม่ต้องดูแลเป็นพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อพัฒนาการทารกที่ดีค่ะ
โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน สำหรับทารกอาหารที่ดีที่สุดคือนมแม่ ซึ่งเราต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าในนมแม่มีสารป้องกันภูมิแพ้ สารป้องกันไม่ให้ทารกท้องเสียหรือท้องผูก ซึ่งคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกก็ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด เพราะฉะนั้นหากคุณแม่ไม่สบาย ก่อนสัมผัสตัวลูกควรล้างมือให้สะอาด และควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคด้วย
ไม่เฉพาะแต่คุณแม่ รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวหากมีใครที่กำลังไม่สบาย ก่อนสัมผัสเจ้าตัวเล็กควรล้างมือให้สะอาดและสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
นอกจากนี้ ในเด็กทารกที่ต้องกินนมผสม ความสะอาดของขวดนมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องต้มให้สะอาดทุกครั้ง โดยต้มจนเดือดอย่างน้อย 10 นาที หรืออาจจะใช้หม้อนึ่งก็แล้วแต่ความสะดวก
ขวดน้ำของลูกต้องเปลี่ยนทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยขวดน้ำ จุกน้ำ และจุกนมต้องสะอาด รวมถึงที่ปั๊มนมต้องนึ่งเพื่อความสะอาดและสุขภาพอนามัยของลูก หากอุปกรณ์ไม่สะอาดลูกอาจท้องเสียหรือติดเชื้อโรคต่างๆ ได้
ยิ่งอากาศเย็นๆ ในหน้าหนาว การอาบน้ำเช้า-เย็นไม่มีความจำเป็นสำหรับลูกเลย เจ้าตัวเล็กอยู่แต่ในบ้านไม่ได้สกปรกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นอาบน้ำให้ลูกเพียงวันละครั้ง ในช่วงเที่ยงหรือบ่ายก็เพียงพอ แต่ถ้าพื้นที่ไหนอากาศเย็นมากๆ 2-3 วันอาบครั้งก็ได้ หรือถ้าลูกเนื้อตัวเลอะเทอะอาจเพียงเช็ดตัวแล้วล้างก้นก็พอ
แต่ถ้าเป็นหน้าร้อน คุณพ่อคุณแม่สามารถอาบน้ำให้ลูกวันละ 3-4 ครั้ง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กอายุ 1 เดือนแรก เพราะการปล่อยให้ลูกตัวเปียกเฉอะแฉะทั้งวัน ลูกมีโอกาสไม่สบายมากกว่าตัวแห้ง ดังนั้นเมื่อลูกร้อน มีเหงื่อออกสามารถอาบน้ำให้ลูกได้เลย แต่ต้องไม่อาบแบบแช่ อาบเพียงแค่ให้ลูกรู้สึกสบายตัวอุณหภูมิของน้ำก็สำคัญ ในหน้าร้อนน้ำไม่ต้องอุ่นมาก แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวอุณหภูมิของน้ำควรสูงขึ้นจากปกติเล็กน้อย โดยคุณพ่อคุณแม่ใช้หลังมือแตะดูว่าน้ำอุ่นพอดีไหม ส่วนการสระผมให้ลูกนั้น 3-4 วันสระครั้งก็ได้ ที่สำคัญต้องเช็ดตัวลูกให้แห้งหลังอาบน้ำทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผดผื่นตามมา
เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเล็กเพิ่งเกิด อุณหภูมิในร่างกายจึงต่ำกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นในช่วงแรกเกิดคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิรอบๆ ตัวลูกให้คงที่ โดยเฉพาะเมื่อให้ลูกนอนในห้องแอร์
เพราะการปรับอุณหภูมิแบบปุบปับ หรือการปิดแอร์กะทันหันแล้วเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศจากภายนอกในตอนเช้า จะทำให้ลูกปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งยามเช้าอุณหภูมิภายนอกจะสูงกว่าภายในห้อง อาจทำให้ลูกหายใจไม่สะดวก
ดังนั้น หากกังวลว่าลูกจะร้อนหรือหนาวเกินไป ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอ ถ้าลูกมีเหงื่อออก ตัวเปียก หัวเปียก ให้คลายผ้าออก หรือใส่เสื้อผ้าให้บางลง แต่ถ้าแขนขาลูกเย็น หมายความว่าอากาศเย็นเกินไป ลูกกำลังหนาวอยู่ ควรห่มผ้าให้ลูกเพิ่ม หรือใส่เสื้อผ้าให้หนาขึ้น
หากที่บ้านมีเครื่องกรองอากาศ สิ่งสำคัญคือต้องล้างเครื่องกรองอากาศบ่อยๆ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กควรล้างทุกอาทิตย์